Wednesday 21 July 2021

สินค้าต้องห้ามในการขายออนไลน์

 มีหลายสิ่งที่ บรรดา พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ ยังรู้ไม่เท่าถึงการณ์ เมื่อ ขายของออนไลน์ แล้วอยุ่ดีๆ แอดมิน ก็ แบนสินค้าเหล่านั้น จะทราบได้อย่างไร ว่าสินค้านี้ต้องห้ามขาย ดูในรายการต่อไปนี้

สินค้าต้องห้ามใน Shopee 

โดยปกติสิ่งของที่มีผลกับมนุษย์ก็จำกัดในการขายด้วย การที่จะขายสิ่งของเหล่านั้นต้องมีใบอนุญาติ ไม่ว่าจะเป็น ยา หรือ อาหารเสริม การใช้ต้องมีผู้ให้คำแนะนำ ด้วย

หากไม่มั่นใจว่า สินค้าที่เป็น อาหาร อยู่ในประเภทยาหรือ อาหารเสริม หรือไม่ สามารถเช็คได้จาก เว็บนี้


Wednesday 14 July 2021

เมื่อไม่สามารถแชทคุยกับเจ้าหน้าที่ ต้องเข้าที่ไหนใน Lazada

การที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่ของ Lazada ได้โดยตรงนั้น ถือ เป็นเรื่องที่ยากลำบากทีเดียว เพราะ Lazada ได้ทำการเขียน ระบบตอบกลับอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว (BOT) ทำให้ทุ่นแรงเจ้าหน้าที่ทีเดียว และการหาช่องทางแชตนั้นก็ยากเหลือเกิน วันนี้ Entrepreneur ได้บอกวิธีการเข้าการตอบแชทให้ถึงพนักงาน ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

1.ไปที่ โดยการคลิกที่ลิ้งค์นี้ Lazada Seller Center

2.แล้วทำการล็อกอิน หลังจากนั้น

3.ไปที่ ช่วยเหลือ >ศูนย์ช่วยเหลือ

4.หาปุ่มที่เขียนว่า แชทกับเรา โดยปุ่มจะมีสีน้ำเงินดังรูป



5.หลังจากนั้น จะทำการเริ่มข้อความแชท สามารถพิมพ์ถามจนถึงคำถามที่บอทตอบไม่ได้ แล้วจะมาปุ่มเขียนว่า "แชทคุยกับเจ้าหน้าที่เลย"



หลังจากนั้นจะมีคิวรอเจ้าหน้าที่ขึ้นมาสามารถรอเจ้าหน้าที่ตอบแชทได้เลย

สำหรับผู้ที่เคสปัญหาที่ค้างไว้กับ Lazada สามารถติดตามได้ที่นี้ คำร้องของฉัน
ขข


Tuesday 6 July 2021

เมื่อผู้ให้บริขนส่ง ของ Shopee บริการไม่เป็นใจ

 มีหลายครั้ง ที่บรรดา พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ จะต้องเจอ เรื่องของการจัดส่งสินค้า ไม่ว่าจะนัดแล้วไม่มารับของ ของส่งช้า หรือทำของเสียหาย ก็มีผลต่อคะแนนความประพฤติของร้านค้าทั้งนั้น และนี้คือสิ่งอำนวยความสะดวก เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในเรื่องของการส่งของ

แจ้งปัญหา https://help.shopee.co.th/

เปลี่ยนวันนัดรับ https://shopee-support.formstack.com/forms/th_cs_logistics_rearrange_pick_up_form

ขอเพิ่มเติม / เปลี่ยนบริการขนส่ง https://shopee-support.formstack.com/forms/th_shopee_request_for_changing_logistic_company_from_shopee_standardized_logistic_service

เรียนรู้ช่องทางการขนส่งสินค้า  https://seller.shopee.co.th/edu/article/3863

ยื่นอุทรณ์ ความประพฤติ https://shopee-support.formstack.com/forms/th_penalty_point_appeal


Tuesday 15 June 2021

การเลือกขนาดกล่องใส่ของสำหรับแม่ค้าออนไลน์ทำอย่างไร

วัดขนาดสินค้าก่อน แล้วหาไซส์มาตรฐานตามโดยที่ไม่ใหญ่เกินไปเพื่อที่จะได้ไม่สิ้นเปลืองวัสดุกันกระแทกตามขนาดมาตรฐาน ด้านล่างนี้


ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ A ขนาด 14 X 20 X 6 ซม.

ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ B ขนาด 17 X 25 X 9 ซม.

ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ C ขนาด 20 X 30 X 11 ซม.

ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ D ขนาด 22 X 35 X 14 ซม.

ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ E ขนาด 24 X 40 X 17 ซม.

ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ F ขนาด 30 X 45 X 20 ซม.

ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ G ขนาด 31 X 36 X 26 ซม.

ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ H ขนาด 40 X 45 X 34 ซม.

ขนาดกล่องไปรษณีย์ เบอร์ I(หนา 5 ชั้น) ขนาด 45 X 55 X 40 ซม.



กล่องเคอรี่ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆก็จะเหมือนกันกับไซต์กล่องไปรษณีย์ที่มีไซต์เฉพาะของตัวเอง โดยที่กล่องไปรษณีย์จะมีไซต์หลักๆประมาณ 9 ไซต์เเละมีไซต์พิเศษเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆตามความต้องการของลูกค้าที่ต้องการไซต์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยปัจจุบัน ไซต์ของกล่องไปรษณีย์จะมีทั้งหมดประมาณ 16 ไซต์ คือ

1. กล่องไปรษณีย์เบอร์ 00 ขนาด 8.5x11x6 cm. 

2. กล่องไปรษณีย์เบอร์ 0 ขนาด 11x17x6 cm. 

3. กล่องไปรษณีย์เบอร์ 0+4 ขนาด 11x17x10 cm.

4. กล่องไปรษณีย์เบอร์ A ขนาด 14x20x6 cm. 

5. กล่องไปรษณีย์เบอร์ AA ขนาด 13x17x7 cm. 

6. กล่องไปรษณีย์เบอร์ 2A ขนาด 14x20x12 cm. 

7. กล่องไปรษณีย์เบอร์ B ขนาด 17x25x9 cm. 

8. กล่องไปรษณีย์เบอร์ 2B ขนาด 17x25x18 cm. 

9. กล่องไปรษณีย์เบอร์ C ขนาด 20x30x11 cm. 

10. กล่องไปรษณีย์เบอร์ CD ขนาด 15x15x15 cm. 

11. กล่องไปรษณีย์เบอร์ D ขนาด 22x35x14 cm. 

12. กล่องไปรษณีย์เบอร์ E ขนาด 24x40x17 cm. 

13. กล่องไปรษณีย์เบอร์ Fเล็ก ขนาด 31x36x13 cm. 

14. กล่องไปรษณีย์เบอร์ F ขนาด 30x45x20 cm. 

15. กล่องไปรษณีย์เบอร์ G ขนาด 31x36x26 cm. 

16. กล่องไปรษณีย์เบอร์ H ขนาด 41x45x35 cm. 

 

ส่วนกล่องเคอรี่นั้นจะมีไซต์หลักๆ 6 ไซต์คือ

1. กล่อง kerry ขนาด mini ขนาด 14x20x6 cm. 

2. กล่อง kerry ขนาด S ขนาด 20x30x11 cm. 

3. กล่อง kerry ขนาด S+ ขนาด 24x37x14 cm. 

4. กล่อง kerry ขนาด M ขนาด 27x43x20 cm. 

5. กล่อง kerry ขนาด M+ ขนาด 35x45x25 cm.

6. กล่อง kerry ขนาด L ขนาด 40x50x30 cm.  

ภาพด้านล่างนี้จะเป็นตัวอย่างไซต์กล่องเคอรี่ไม่พิมพ์ลายของไซต์ M, M+, เเละ L ที่ทางโรงงานผลิตขึ้นมาครับ
 

โดยอัตราการคิดค่าบริการของทาง Kerry นั้นจะเเบ่งตามไซต์คือ

กล่องพัสดุขนาดเล็ก(S) (กว้าง+ยาว+สูง ไม่เกิน 60 ซม.) 

กล่องพัสดุขนาดเล็ก(S+) (กว้าง+ยาว+สูง ไม่เกิน 75 ซม.) 

กล่องพัสดุขนาดกลาง (M) (กว้าง+ยาว+สูง ไม่เกิน 90 ซม.)

กล่องพัสดุขนาดกลาง (M+) (กว้าง+ยาว+สูง ไม่เกิน 105 ซม.)

กล่องพัสดุขนาดใหญ่ (L) (กว้าง+ยาว+สูง ไม่เกิน 120 ซม.)

กล่องพัสดุขนาดใหญ่พิเศษ (XL) (กว้าง+ยาว+สูง ไม่เกิน 150 ซม.) 

Over size (กว้าง+ยาว+สูง เกิน 150 ซม.) 

หลังจากนั้นก็จะเป็นวิธีการห่อพัสดุ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุกันกระแทก หรือ ห่อบับเบิ้ลเพื่อรักษาสินค้าระหว่างส่ง การห่อสินค้า สามารถดูได้ที่นี่

การห่อที่ดีนั้น อย่าใช้กระดาษลังมือสอง หรือซ้อนลังเป็นอันขาด นอกจากจะไม่เป็นการป้องกันสินค้าเสียหายแล้ว ยังผิดกฎการส่งของบางเจ้าได้ 

เมื่อห่อเสร็จควรทดสอบด้วยการเขย่าๆ ดูว่าของภายในเคลื่อนที่ไหม หรือว่า มีเสียงขลุกขลิกจากข้างในไหม


แนะนำการบรรจุหีบห่อของ Shopee


เครดิต

https://fastship.co/parcels-sizes-for-shipping/

https://www.siampackaging.co.th/content/20796/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-

Sunday 13 June 2021

สิ่งเริ่มต้นของคนเริ่มแพคของขายออนไลน์ควรรู้

หากคุณเป็นพ่อค้า แม่ค้า มนุษย์ออฟฟิศ ที่ทำธุรกิจออนไลน์ และมีความจำเป็นจะต้องส่งของผ่านทางไปรษณีย์อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าสิ่งของที่อยู่ด้านในนั้นจะเป็นวัสดุแบบไหน หากอ่านคู่มือทั้งหมดนี้ไว้ก็อุ่นใจแน่นอน เพราะเราได้รวบรวมเคล็ดลับทั้งหมด 16 ข้อ ที่ได้กวาดเอาเทคนิคในการส่งพัสดุทั้งหมดรวมมาไว้ให้ในบทความนี้บทความเดียวเท่านั้น จากที่ใครหลายๆคนอาจจะกังวลใจไป ส่งพัสดุไปแล้วจะต้องให้คุกกี้ทำนายกันมั้ย..ว่าของที่ส่งไปผู้รับจะได้รับถึงมือในสภาพปลอดภัย 100% แน่นอน มาถึงตรงนี้แล้วก็ขอให้ทุกคนปักหมุดไว้..แล้วแชร์วนไป คราวหน้าจะส่งพัสดุรับรอง ผู้รับจะต้องร้องโอ้โห Professional ที่แท้ทรู!

  1. บับเบิ้ลดีต่อใจ ใช้รองกระแทกวนไป อุปกรณ์พื้นฐานยอดนิยมที่ผู้ที่คลุกคลีกับวงการส่งไปรษณีย์ต้องรู้! เพราะ “แผ่นรองกระแทก” หรือ “บับเบิ้ล” ไอเท็มขวัญใจเด็กๆ ที่ชอบเอาไว้บีบเล่นนั้น ไม่ได้มีดีแค่เป็นของเล่นอย่างเดียว แต่คุณสมบัติหลักๆของบับเบิ้ลนั้นจะช่วยดูดซับแรงกระแทกเมื่อสิ่งของทั้งหลายในกล่องเกิดการเขย่า หรือการกระแทกไปมา ทำให้คุณอุ่นใจไปอีกสเต็ปว่าของที่อยู่ภายในกล่องนั้นมีเกราะป้องกันความเสี่ยงที่ของด้านในจะเสียหายให้แล้ว เพราะฉะนั้น ก่อนจะส่งพัสดุที่มีความเสี่ยงว่าหากถูกกระแทก หรือถูกโยนแล้วจะเสียหาย ให้ #ห่อบับเบิ้ลวนไป ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ บับเบิ้ลมีน้ำหนักเบา ถึงแม้จะห่อซัก 2-3 รอบ น้ำหนักก็ไม่ได้เพิ่มอะไรมาก ค่าส่งไปรษณีย์ก็ไม่ได้พุ่งพรวดอะไรไปมากด้วยเช่นกันครับ 
  2. เลือกขนาดให้ถูกไซส์..อุ่นใจกว่า การเลือกขนาดกล่องให้ถูกไซส์กับตัวพัสดุนั้น นอกจากจะทำให้การห่อพัสดุนั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และว่องไว ยังเป็นการลดความเสียหายของพัสดุด้านในอีกวิธีนึงอีกด้วย ทริคง่ายๆหากไปแพคของที่ไปรษณีย์หรือจะเป็นขนส่งเอกชน ให้ลองเทียบไซส์จากของที่เรามีกับกล่องที่มีให้เราเลือก หากไม่แน่ใจ แนะนำว่าลองวางพัสดุแล้วห่อหุ้มดูว่าเหลือที่ว่างเยอะมั้ย หากที่ว่างยังเหลือมากขนาดที่เราลองเขย่าแล้วยังมี Space อีกเพียบ แนะนำให้เปลี่ยนขนาดกล่องให้ไว เพราะว่ายิ่งมี Space เพิ่มมากขึ้น ความเสี่ยงที่สิ่งของนั้นจะกระแทกไปมาก็เพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย อีกวิธีคือการใช้บริการรับผลิตกล่อง ให้ขนาดของกล่องไปรษณีย์พอดีกับขนาดพัสดุของเรา วิธีนี้นอกจะจะช่วยลดขนาดที่ว่างภายในกล่องที่ไม่จำเป็นแล้ว อาจจะช่วยประหยัดค่าส่งสินค้าได้ด้วยเนื่องจากบริษัทขนส่งเอกชนหลายๆที่ คิดค่าจัดส่งตามขนาดกล่อง กว้าง + ยาว + สูง นั่นเองครับ 
  3. มาตรฐานของกล่องเป็นอย่างไร..ไปเช็คกัน! สายหวั่นไหวกับของถูก อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไป หากจะส่งของไปให้ใครก็ตามยิ่งเป็นในระยะทางไกลมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะต้องให้ความสำคัญกับมาตรฐานของกล่องมากขึ้นเท่านั้น นั่นเป็นเพราะการเลือกกล่องพัสดุ ยิ่งมีราคามากขึ้นเท่าไหร่ กล่องก็จะยิ่งมีมาตรฐานดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้น เรื่องมาตรฐานของกล่องจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามไป อย่าเลือกแค่มีเกณฑ์การตัดสินที่ว่า “ของมันถูก” คุณภาพที่คุณได้ก็จะถูกตามไปด้วย แต่ความเสียหายที่ได้มา อาจจะต้องเสียเงินเพิ่มแบบไม่คุ้มค่าด้วย หากอยากได้กล่องดีมีมาตรฐาน อย่าลืมมองหา Supplier รับผลิตกล่องที่มีมาตรฐาน ไว้ใจได้กันด้วยนะครับ 
  4. เลือกกล่องใหม่ไฉไลกว่ารียูส เข้าใจว่าเรื่องของการรักษ์โลกมันต้องมา แต่หากคุณเป็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์มืออาชีพแล้ว เราแนะนำให้ใช้กล่องใหม่จะไฉไลกว่า คุณจะได้เครดิต ภาพลักษณ์ที่ดีว่าสั่งของจากร้านนี้ใช้กล่องใหม่ได้คุณภาพนะ นอกจากนี้ที่สำคัญคือ 70% นั้น คือ ตัวเลขของการรองรับการกระแทกหากใช้พัสดุใหม่ที่ไร้รอยแตก รอยพับ เพราะฉะนั้น หากมีโอกาสเลือก ให้เลือกกล่องใหม่เพื่อความคุ้มค่า พัสดุถึงทันใจไม่ต้องมานั่งกังวลกับค่าเสียหายภายหลังนะครับ 
  5. หากใช้กล่องรียูสก็ต้องให้โฟมช่วย หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กล่องรียูสส่งพัสดุ โดยเฉพาะในเคสที่สิ่งของในกล่องมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้โฟมนำมารองไว้ที่มุมต่างๆ ของกล่องพัสดุ เพราะจะเป็นการรองรับการกระแทกได้เป็นอย่างดี ทำให้พัสดุที่ส่งไปมีความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง 
  6. เลือกประเภทกล่องลูกฟูกที่เหมาะสม เพราะการเลือกประเภทกล่องลูกฟูกที่เหมาะสมนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกๆที่จะต้องคำนึงถึง เนื่องจากกล่องพัสดุแต่ละกล่องนั้นใช้กระดาษที่ไม่เหมือนกัน ความหนา จำนวนชั้นก็ต่างกัน เช่นเดียวกันกับคุณสมบัติการกันกระแทก หรือความอยู่ทน อยู่นานที่ถูกออกแบบมาอย่างแตกต่างกัน เช่น การบรรจุสิ่งของที่มีน้ำหนักมากและขนาดใหญ่ อาจจะต้องใช้กล่องที่มีความหนา 5 ชั้นแทน เป็นต้น หากคุณไม่แน่ใจ เราแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือจะปรึกษาเราดูก่อนก็ได้ครับว่าสินค้า น้ำหนักและขนาดเท่านี้ ควรจะใช้กล่องประเภทไหน ถึงจะบรรจุสินค้าได้อย่างเหมาะสมที่สุดครับ 
  7. แพ็คให้เหมาะกับสภาพฝนฟ้าอากาศ บางคนอาจจะงงว่ามันมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่จะบอกว่า สภาพอากาศเป็นอีกปัจจัยสำคัญถ้าคิดจะส่งพัสดุ ลองคิดภาพตามดูง่ายๆว่า ต่อให้แพ็คของอย่างแน่นหนามากแค่ไหน แต่ดันต้องส่งของในช่วงหน้าฝน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ เราจะสามารถทำให้พัสดุด้านในนั้นปลอดภัยได้อย่างไรบ้าง หากพัสดุเปียกน้ำแล้วจะเสียหายมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะในเคสที่พัสดุข้างในเป็นกระดาษ หรือวัสดุที่เปียกชื้นแล้วจะสร้างความเสียหายมาให้ แนะนำให้ใส่พลาสติกกันไว้อีกชั้น..จะได้อุ่นใจมากขึ้นกับการส่งพัสดุฝ่าหน้าฝนไปได้ชิลๆครับ 
  8. จัดการทิศทางและพื้นที่ให้ดี “การจัดการที่ดี” ใครว่าไม่สำคัญ เพราะการจัดการนั้นเอามาใช้ได้ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการส่งพัสดุ ในกรณีที่มีการส่งพัสดุมากกว่า 1 ชิ้นขึ้นไปในกล่องเดียว ควรจะจัดวางเผื่อการกระแทก การชนกันของวัตถุด้วย ลองนึกดูจากกรณีง่ายๆว่าถ้าวางของไปผิดทิศทาง สิ่งของที่อยู่ในนั้นก็อาจจะทิ่มทะลุกัน หรือกระแทกกันจนแตกทำให้ความเสียหายเพิ่มคูณ 2 ได้ หรือหากต้องส่งพัสดุที่มีน้ำหนักมากหลายชิ้น ก็ควรวางกระจายน้ำหนักให้ดี ไม่ให้จุดใดจุดหนึ่งของกล่องต้องรับน้ำหนักมากเกินไป และควรใส่ของที่มีน้ำหนักเยอะไว้ด้านล่างของที่มีน้ำหนักเบา เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของด้านในทับกันเสียหายด้วยนะครับ 
  9. บางครั้งอาจจะพึ่งผู้เชี่ยวชาญบ้าง หากจำเป็นต้องส่งพัสดุที่สำคัญ แต่ประสบการณ์ส่งของดัน..มีไม่มากพอ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียหายของพัสดุ เราควรจะต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นพนักงานของทางไปรษณีย์ หรือบริษัทที่รับส่งพัสดุโดยตรงเลยก็ได้ ดังนั้น อย่าลืมว่าหากเป็นครั้งแรกๆของคุณtoและไม่อยากพลาด แนะนำว่าให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า เพื่อให้มั่นใจได้ว่า พัสดุที่จะส่งไปนี้ไม่ได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน 
  10. ติดป้าย FRAGILE ก็ปลอดภัยไปอีกระดับ หากจะต้องส่งพัสดุที่มีความเสี่ยงที่โยน กระแทกแล้วจะทำให้พัสดุเสียหาย หรือแตกกระจายได้ แนะนำให้ติดป้าย FRAGILE ที่ทางไปรษณีย์หรือบริษัทเอกชนมักจะมีให้ในบางที่ ตรงนี้ก็จะเพิ่มเลเวลความระมัดระวังของผู้ส่งของให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเห็นสติกเกอร์ที่บอกเป็นนัยๆว่าของแตกหักง่ายนะ ห้ามโยนโดยเด็ดขาด หรือหากไม่มีจริงๆก็อาจจะเขียนข้อความตัวใหญ่ๆ ด้วยภาษาไพเราะๆ ให้ง่ายต่อการมองเห็น พนักงานที่ส่งพัสดุเห็นก็จะได้ไม่โยน ไม่กระแทกกล่องไปรษณีย์ของเรา แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าต่อให้ติดสติ๊กเกอร์หรือเขียนอะไรไว้ก็แล้วแต่ บางครั้งก็อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากพนังงาน เราจึงต้องใช้เทคนิคอื่นๆประกอบด้วย เพื่อให้พัสดุเราปลอดภัยจนถึงมือผู้รับนะครับ 
  11. ตรวจสอบความแน่นหนาด้วยการเขย่ากล่อง อีกวิธีง่ายๆที่ใช้ในการตรวจสอบความแน่นหนาของพัสดุ จะได้รู้ว่าเราแพ็คดีพอหรือยัง แน่นหนาพอที่จะรองรับการกระแทกได้หรือยัง ในกรณีนี้หากตรวจสอบความแน่นหนาด้วยการเขย่ากล่องแล้ว ของด้านในยังเลื่อนไปมาได้อยู่ แนะนำให้เปลี่ยนไซส์กล่องกระดาษ หรือจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือโฟมกันกระแทกยัดไว้ในช่องว่างที่มีในตัวกล่อง เพื่อเพิ่มเลเวลความมั่นใจในการส่งไปอีกระดับนะครับ 
  12. อุปกรณ์แหลมคมมีโฟมกันไว้ได้ใจผู้รับ หากมีความจำเป็นที่จะต้องส่งอุปกรณ์แหลมคม เช่น กรรไกร มีด กรรไกรตัดกิ่ง จอบ เสียม ที่มีคม แนะนำให้ใส่โฟมกันกระแทกไว้ที่ตรงปลายแหลมคมเป็นลำดับแรก ต่อจากนั้นอาจจะหุ้มต่อด้วยบับเบิ้ล กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือจะเป็นพลาสติกกันกระแทกในรูปแบบต่างๆให้เรียบร้อย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับพัสดุไปอีกระดับ เพราะอุปกรณ์แหลมคมไม่เข้าใครออกใคร หากจะต้องเคลื่อนย้าย หรือถูกกระแทกนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะไปทิ่มแทงกล่องให้ขาดได้ง่ายๆด้วยนะครับ 
  13. ห่อถุงพลาสติกอีกชั้นสำหรับส่งของเหลว หากต้องส่งสินค้าที่เป็นของเหลว เช่น น้ำหอม ครีม เจลต่างๆ ที่บรรจุภัณฑ์มาในรูปแบบขวด และเสี่ยงต่อการโดนกระแทกและแตกหากเกิดการโยน ควรจะใช้เทปติดตรงฝาหรือจุกไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ฝาหรือจุกหลุดออกมาระหว่างขนส่ง ห่อด้วยบับเบิ้ล แล้วใส่ถุงพลาสติกที่มีซิปล็อคทับแยกชิ้นไปเลย เพื่อความปลอดภัย เพราะหากเกิดการแตกระหว่างขนส่ง พัสดุที่ห่อแยกชิ้นจะทำให้การแตกกระจายของของเหลวนั้น ยังรั่วซึมอยู่ในถุงพลาสติกที่ห่อหุ้ม จะได้ไม่ปนกันกับของเหลวชนิดอื่นๆ ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสียหายให้ทวียิ่งขึ้นไปได้ 
  14. ติดเทปกาวบนกล่องรูปตัว H เทคนิคนี้จะใช้สำหรับกล่องฝาชน วิธีการคือ ให้แปะเทปกาวขั้นแรกตรงช่องกลางระหว่างกล่อง ที่ฝาสองด้านมาบรรจบกัน ขั้นตอนต่อไปก็คือ ให้ใช้เทปกาวแปะตรงขอบกล่องพัสดุทั้งสองด้านโดยแปะยาวลงมา เท่านี้เป็นอันเสร็จสิ้น เราก็ได้ให้ความมั่นคง แน่นหนาแก่พัสดุไปอีกระดับ แต่เทปกาวขอให้ใช้เป็นเทปกาวที่หนา และใหญ่ สามารถครอบคลุมพื้นที่ของพัสดุให้ยึดติดกันได้ด้วยนะครับ 
  15. ซื้อประกันลดความเสี่ยง หากจะต้องส่งพัสดุที่เสี่ยงต่อการแตกหัก เสียหาย นอกจากวิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว เรายังสามารถลดความเสี่ยงค่าเสียหายได้ด้วยการซื้อวงเงินการรับประกันเพิ่มเติม เช่น การส่งทาง EMS สามารถซื้อประกันเพิ่มเติมได้สูงสุดถึง 50,000 บาท ซึ่งผู้ที่เป็นตัวกลางส่งของให้ มักจะมีเงื่อนไขในการรับผิดชอบความเสียหายของพัสดุและการซื้อประกันเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทจะกำหนด ให้ลองศึกษาเงื่อนไขและข้อตกลงดูดีๆก่อนซื้อประกันนะครับ 
  16. ใส่เบอร์โทรทั้งสองฝ่ายไว้ ประสานงานได้ไวขึ้น ไม่ว่าคุณจะส่งพัสดุกับไปรษณีย์ หรือกับบริษัทเอกชน สิ่งเล็กน้อยที่คุณไม่ควรจะมองข้ามไปนั่นก็คือ การใส่เบอร์โทรศัพท์ของผู้รับ และผู้ส่ง ที่ปัจจุบันมักจะมีช่องให้กรอกเบอร์โทรศัพท์อยู่แล้ว หากมีเบอร์สำรองก็ใส่ไปด้วยก็ดีครับ อย่าลืมตรวจเช็คให้ดีว่าต้องเป็นเบอร์ที่สามารถติดต่อได้นะครับ หากมีเหตุขัดข้องอะไร หรือคนส่งพัสดุที่ไปถึงที่แล้ว จะได้สามารถติดต่อผู้รับได้ทันใจ ตรงนี้ก็จะทำให้การส่งพัสดุมีความราบรื่นมากขึ้นนะครับ ทั้ง 16 ข้อนี้ถือเป็นคัมภีร์ฉบับขั้นสุดยอด หากทำตามข้อปฏิบัติพวกนี้ได้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยง ทำให้สินค้าที่ส่งผ่านทางไปรษณีย์หรือบริษัทขนส่งเอกชนนั้นจะไปถึงมือผู้รับได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาผู้รับผลิตกล่องไปรษณีย์ที่มีมาตรฐาน หรือต้องการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์บนกล่องไปรษณีย์ อย่าลืมลองมาปรึกษา ... ดูก่อนนะครับ  

เงื่อนไขการรับประกัน สินค้า Kerry และ Flash และ Shopee Express


เครดิต

https://www.locopack.co/th/articles/10 
https://www.flashexpress.co.th/pact/company-agreement/ 
https://th.kerryexpress.com/th/terms-and-conditions-of-carriage
https://shopee.co.th/docs/6760

Saturday 12 June 2021

รวบรวมเทคนิการขายของที่ทำให้รุ่งระยะยาว

รวบรวมเทคนิการขายของ 1. สินค้าราคาขาย 500-1500 ซื้อง่ายขายคล่อง ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญในเรื่องของราคา จากประสบการณ์การขายของในราคาระดับนี้มันทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อของได้ง่ายที่สุด ส่วนจะซื้อมากน้อยเพิ่มขึ้นเท่าไหร่อยู่ที่ความสามารถของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในการพูดคุยกับลูกค้า (และแน่นอนการพูดคุยคุณต้องมีวาทศิลป์ผ่านหน้าจองให้ดีที่สุด จริงๆมันง่ายกว่าคุยต่อหน้าเยอะเลย ลองไปฝึกกันดูนะครับ) 2. ส่ง 1-2 วัน ความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะครับ ยิ่งได้รับเร็วสินค้าดี รับรองลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำแน่นอนเพราะการซื้อครั้งแรกอาจจะเป็นการทดลองสั่งสินค้าดูก่อน หากเราส่งสินค้าจริง สินค้าดี รับรองมีซ้ำ 3. ขนาดกล่องไม่เกินกล่องไปรษณีย์ มันจะดีนะครับ หากสินค้าคุณมีน้ำหนักที่น้อย มันช่วยให้คุณและลูกค้าคุณประหยัดค่าส่งได้เป็นอย่างดี ลองคิดดูสิหากคุณบวกค่าส่งไปตั้ง 200 บาท นั่นแสดงว่ามันทำให้ลูกค้าบอกว่าค่าส่งแพงจังค่ะ 4. สินค้า re-order ได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี สินค้าเก่าขายลูกค้าใหม่ สินค้าใหม่ขายลูกค้าเก่า เคล็ดลับความสำเร็จอีกประการคือ มันจะสบายมากๆหากลูกค้าเก่าเราสั่งซื้อสินค้าเราทุกเดือน เพราะการสะสมลูกค้านั่นหมายความว่าหลังจาก 1 เดือนที่คุณเริ่มขายของ เดือนถัดไปคุณจะออกแรงในการทำงานลดลงไปอีก 20 % เพราะฐานลูกค้าเก่าที่คุณมี 5. นำคู่แข่ง 1 ก้าว ใส่นวัตกรรมเข้าไป หรือเขียนเรื่องราวให้เข้ากับสินค้าที่มีอยู่ การที่เราพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ คู่แข่งตามไม่ทัน หรือสินค้าเรามีความเชื่อในเรื่องราวที่เป็นอยู่ นั่นล่ะความรวยอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว 6. ต้องการแหล่งผลิต หรือนำเข้ามา ยากมาก มันเป็นการตัดคู่แข่งไปอย่างง่ายดาย หากเราเริ่มต้นได้ยากเท่าไหร่ จำไว้นะครับว่า สิ่งที่เราหามาได้ง่ายๆก็มีคนเลียนแบบเราได้ง่ายๆ 7. ข้อนี้โครตสำคัญเลย (ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกนะครับ) คือ ราคาขายต่ำกว่าท้องตลาด 30% และบวกกำไรจากต้นทุนต้อได้ขั้นต่ำ 4.5 เท่า จัดโปรโมชั่นส่วนลดต่างๆแล้วเหลือ 3 เท่า และถ้าจะขายส่งต้องได้ 1.5-2 เท่า เช่น ต้นทุน 100 ขาย 450+ จัดโปรโมชั่นเหลือ 300 ซึ่งเป็นราคาที่ขายที่จะต้องต่ำกว่าคู่แข่งอื่น 30% (คนอื่นขาย 700บาท เราอาจจะต้องขายได้ 450-490 บาท) ขายส่ง 150-200 บาท 8. อยู่เฉยๆ จะต้องขายได้ โดยที่ไม่ต้องทำอะไร (ยังโฆษณาอยู่แต่ไม่ได้ยุ่งอะไร) ที่สำคัญคือ แม้ว่าคุณจะไปทำงานอย่างอื่นหรือมีธุรกิจส่วนตัวอื่นๆ สินค้าจะยังต้องขายได้ด้วยตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นการบอกต่อ หรือ ใช้เงินในการโฆษณา หรือใช้ระบบออนไลน์ตัวอื่นมาสร้างยอดขายให้ได้ ฝากเทคนิคสำคัญพร้อมด้วยคุณธรรมอีกนิดหน่อยนะครับ • ไม่กดต้นทุนสินค้าเราให้ต่ำเกินไป ไม่ว่าเราจะผลิตเองหรือนำเข้ามาขาย ให้มีราคาที่พอดีที่เขาและเราอยู่ได้โดยที่เราสามารถทำงานร่วมกันระยะยาว เพราะเมื่อได้ใจเขา เขาก็พร้อมที่จะช่วยเราในยามที่เราคับขันเหมือนกัน • คัดเลือกการตลาดการขายที่เหมาะสมกับสินค้านั้น หาให้เจอ ช่องทางการขายไหนสำคัญกับเราที่สุดเพราะไม่ว่าจะทุกช่องทางการขาย ยังไงเราก็ได้กำไร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตลาดอะไร ก้อจะปลอดภัย เพราะมี กำไรที่ 4.5 เท่าอยู่แล้ว • การสร้างภาพสินค้า สร้าง story, content ที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เรื่องนี้สำคัญนะครับ ขายของออนไลน์ ลูกค้าเค้าไม่ได้มาคุยกับคุณตัวต่อตัว ดังนั้น มโนภาพสินค้าที่ดีมีคุณ (แต่ต้องเป็นความจริงนะครับ ให้เค้าได้อ่านได้ตัดสินใจ ยิ่งมีรีวิวที่ดี ทำให้เกิดความเชื่อมั่นครับ) ปล.ฝากอีกข้อในการปิดการขายทางออนไลน์ ภาษาในการคุยสำคัญมาก – ถ่อมตัว – ไม่เถียง – เพราะสุดท้ายแค่ 8 ข้อ ก้อแทบไม่ต้องคุยอะไรมากแล้วเพราะสินค้ามันจะขายได้ด้วยตัวมันเอง แค่รับออเดอร์และส่งสินค้าให้ทันเป็นพอครับ อ้างอิง https://blog.sellsuki.co.th/rich-in-2-months/

Saturday 22 February 2020

ท่าออกกำลังกายเพื่อปรับบุคลิกภาพของวิทยากร




บุคลิกภาพสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ ทั้งทางกายและทางวาจา การแสดงบุคลิกภาพที่ดีทางกายนั้น เกี่ยวข้องกับท่าทางต่าง ๆ ตั้งแต่ท่านอน ท่านั่ง ท่ายืน และท่าทำงาน
เรามักพบว่าผู้ที่หมดหวัง ผิดหวัง หรือมีอาการซึมเศร้า จะมีท่าทางที่พ่ายแพ้ต่อแรงโน้มถ่วงของโลก ทุกส่วนของร่างกายจะงอลง คอจะตกไหล่จะห่อเข้า หลังจะค่อม ข้อสะโพกจะงอ หัวเข่างอ ทั้งนี้ถ้ามองไปที่ใบหน้ายังอาจเห็นคิ้วดก มุมตาตก เกิดรอยตีนกามากขึ้น มุมปากตกเหมือนจะร้องไห้
สิ่งเหล่านี้โดยเฉพาะท่าทางที่อยู่ในท่างอลงนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บุคลิกภาพของตนเองเสียไป คนที่พบเห็นไม่ชื่นชม และหมดความเชื่อถือให้ตัวเราแล้ว ยังเป็นต้นเหตุที่สำคัญของอาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดข้อต่อ

เนื่องจากข้อต่อที่งอลงจะรับน้ำหนักของร่างกายมากกว่าข้อต่อที่เหยียดตรง ทำให้เกิดการเสื่อมโทรมของข้อต่อเร็วขึ้น จึงเกิดอาการปวดตามข้อต่อ และกล้ามเนื้อต้องทำงานมาก ถ้าข้อต่อไม่เหยียดตรง ต้องเกร็งตัวตลอดเวลา จะทำให้เกิดอาการปวดล้าตามกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อต่อนั้นด้วย
การเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี จึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการเริ่มต้นทำสิ่งต่าง ๆ แม้กระทั่งการเริ่มต้นออกกำลังกาย ดังนั้นก่อนออกกำลังกายทุกชนิด ไม่ว่าจะเล่นกีฬา เต้นแอโรบิก หรือบริหารให้มีทรวดทรง สุขภาพดี ย่อมต้องมีบุคลิกภาพที่ดีประกอบด้วยเสมอ จึงเสนอวิธีการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ทำได้ง่าย ๆ ในทุกสถานที่ 5 วิธี ด้วยกันคือ
การบริหารเพื่อการนี้ เริ่มต้นควรจะอยู่หน้ากระจกเงาหรือไปให้ผู้อื่น ช่วยสังเกตให้ เพราะมิฉะนั้นแล้วอาจไม่ทราบว่าตนเองทำได้ถูกต้องหรือยัง จนกว่าจะฝึกฝนและเกิดความมั่นใจขึ้นจึงทำด้วยตนเอง และไม่ต้องมองในกระจกอีก กล่าวคือ จะต้องทำการบริหารจนเกิดเป็นอุปนิสัยที่ดี ตราบนั้นเราจะสามารถปรากฎกาย ตามสถานที่ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องคอยเป็นห่วงในท่าทางของตนเอง
การนั่งหรือการยืนที่ดีจำเป็นต้องให้ทุกส่วนของร่างกายอยู่ในแนวตรงเสมอ คือ ถ้ามองจากด้านหลัง กึ่งกลางของศีรษะ หลัง บั้นเอว ช่วงสะโพก และกึ่งกลางของขาทั้ง 2 ข้าง จะต้องอยู่ในเส้นตรง ทำให้ซีกซ้าย และซีกขวาสมดุลกัน และถ้ามองดูจากด้านข้าง เส้นตรงสมมตินี้ต้องผ่านหน้าหู กึ่งกลางหัวไหล่ กึ่งกลางข้อสะโพก ด้าน หน้าข้อเข่าแต่ด้านหลังของกระดูกสะบ้าและด้านหน้าของข้อเท้า

การบริหารเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพจึงมุ่งหวังที่จะให้ร่างกายสมดุล และให้แนวดิ่งผ่านส่วนต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วเบื้องต้นนี้

กล้ามเนื้อหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพ พร้อมตัวอย่างท่าออกกำลังกาย
1.หลังส่วนบน (Upper back)
      การฝึกหลังส่วนบนนอกจากเรื่องของความสวยงาม ยังช่วยแก้อาการไหล่ห่อได้อีกด้วย คนที่มีไหล่ห่อควรฝึกกล้ามเนื้อส่วนนี้ให้มาก


2.Lower back
      สำหรับคนเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมและหลังค่อม ล้วนมีปัญหากับกล้ามเนื้อมัดนี้ เนื่องจากกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง พอเวลาเรานั่งทำงานนานๆ ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้

3.Abs
      เพราะกล้ามเนื้อแกนกลางมีส่วนอย่างยิ่งในการควบคุมการทำงานของทุกส่วนในร่างกายนี้เอง ทำให้การออกกำลังกายที่กล้ามเนื้อแกนกลาง จึงส่งผลโดยตรงต่อทุกส่วนของร่างกาย ทั้งรยางค์แขนและขา อัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการเผาผลาญพลังงานในทุกๆส่วนนั่นเอง

4.Hamstring
      ต้นขาด้านหลัง หรือ กลุ่มแฮมสตริงนั้นประกอบด้วยกล้ามเนื้อหลายมัดที่ทำหน้าที่สอดคล้องกันในการ งอต้นขาเข้า และ ยังช่วยรองรับการเหยียดลำตัวขึ้นจากการพับลำตัวด้วย กล้ามเนื้อแฮมสตริงนั้นมีกล้ามเนื้อ ก้น และ น่องเป็นกล้ามเนื้อรองหลักๆที่คอยรองรับการออกแรงในมุมต่างๆกัน
สามารถบริหารท่าตามรูปภาพได้
การฝึกการทรงตัวเพื่อความสง่างาม
อย่างเช่นการฝึกการทรงตัวอย่าง Bodybalance

BODYBALANCE 
    คือ การออกกำลังกายแบบโยคะ พิลาทิส ไทชิ เพื่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเป็นการยืดคลายกล้ามเนื้อ ทำให้จิตใจคุณสงบ เป็นการออกกำลังกาย โดยการกำหนดลมหายใจ และทำสมาธิ โดยจดจ่อในการยืดกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวร่างกาย และหยุดในแต่ละท่าที่สร้างมาเพื่อเป็นการออกกำลังกาย โดยใช้หลักฮอลิสติก สมาธิมากที่สุด เพื่อให้ร่างกายเกิดการผ่อนคลายทั้งกายและใจ



การเต้นเพื่อฝึกการแสดงออก



ประโยชน์ของการเต้นมีดังนี้
1.ช่วยให้ความจำดีขึ้น
2.คลายเครียด
3.ลดอาการซึมเศร้า
4.ดีต่อหัวใจ
5.ช่วยลดน้ำหนัก
6.ทรงตัวดีขึ้น
7.เพิ่มพลังงาน 
8.ได้มิตรภาพ
9.ทำให้กล้าแสดงออก