หลักการทำงานให้รุ่งเรือง

การที่จะให้ประเทศชาติมีความรุ่งเรืองนั้นำ
ต้องอดทน พยายาม วิสาหะ
ทำงานด้วยความมุ่งมั่น
ทุ่มเท
วางแผนจนงานนั้นลุล่วงได้

หลักการทำงานทั่วไป ที่ครอบจักวาลนี้
เมื่อเอาไปทำ อย่างสม่ำเสมอ ก็เกิดความสำเร็จได้

การที่ผลงานจะเกิดได้
ต้องทำงานนั้นให้เสร็จ
งานที่จะสำเร็จได้ต้อง
ต้องมีความพยายาม
จะเกิดความพยายามได้ต้องลงมือทำ
จะลงมือทำได้ต้องวางแผน
และจะวางแผนได้ต้องมีข้อมูลและความรู้
จะหาความรู้ได้นั้น ต้องมีเป้าหมาย
จะมีเป้าหมายได้ ก็ต้องมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์
จะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้ ก็ต้องเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นก่อน

หากละเลยสิ่งไดสิ่งหนึ่งงานนั้นก็ไม่สำเร็จได้

การมองคุณค่า

การมองคุณค่า คือ การที่คนผู้นั้น รู้และเข้าใจคุณสมบัติของต่างๆ ตลอดถึงการกระทำแต่ละคน ด้วยใจเป็นกลาง และเอามาสร้างประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่นได้

ผู้ที่จะมองคุณค่าได้ จะต้องไม่มีใจยินดี ยินร้าย หรือ ผูกใจเจ็บ กับการกระทำหรือสิ่งของนั้นๆก่อนเป็นอันดับแรก และต้องเข้าใจในสิ่งของหรือการกระทำนั้นเป็นอย่างดี
3. ผู้นั้นจะต้องรับทราบผลของการกระทำนั้นด้วย
เมื่อเข้าใจทั้ง 3 อันดับแล้ว ผู้ใช้จะสามารถเอาไปสร้างประโยชน์จนเกิดคุณค่าแก่ตนเองและผู้อื่นนั้นได้

การ X-Check

การ X-Check คือ การที่เรารู้คุณสมบบัติของต่างๆ ที่กระทำการต่างกันแต่มีคุณสมบัติ ต่างกัน
การ X-Check จะนำไปช่วยในเรื่องของการตรวจสอบที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

คือ การ X-Check ในงานๆนึง ผู้ที่จะ X-Check จะใช้ คุณสมบัติของเครื่องมือนั้น ตลอดจน
กระทำแล้วดูผลว่ามีผลลัพธ์ที่ถูกต้องตรงกัน

อย่างเช่น ทำงานโปรแกรม Spread sheet จะมีสูตรต่างๆ
ผู้ใช้งานจะทำการพิมพ์เอกสาร และบวกเลขในชีสต่างๆไว้

หลังจากทำงานเสร็จ ผู้ใช้งาน จะตรวจสอบโดยการใช้สูตร บวกลบเลขของแต่ละชีส
ด้วยวิธีการใช้สูตรต่างกัน แต่ตัวเลขต้องตรงกัน โดยผู้ใช้งานได้รู้และชำนาญในสูตรนั้นเป็นอย่างดี
โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสียเวลาเปิดดูข้อมูลทีละบรรทัด

ผู้ที่จะประยุกต์ใช้การ X-Check จะเป็นผู้ที่รู้และชำนาญการทำงานในด้านต่างๆเป็นอย่างดี
และ X-Check ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ ใช้เวลาน้อยในการตรวจสอบ และการตรวจ
สอบมีความแม่นยำสูง

อยาก Startup แต่ไม่มีเงินทำอย่างไร

ตามที่กล่าวไป ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์
ถึงมีทรัพย์อยู่นับแสน ยังไม่เท่าปัญญาที่มีไหวพริบเร็วเพียงเสี้ยววินาที

อยาก Startup แต่ไม่มีเงินทำอย่างไร
ต้องเข้าใจเงินก่อน
ที่มาของเงิน มาอย่างไร

ลองมองย้อนไปนึกถึงตัวเอง
อะไรที่ทำให้ตัดสินใจ ที่จะซื้อสิ่งของนั้น
อะไรที่เราจะจ้างคนๆนั้น
เราจะซื้อสิ่งของนั้นได้คือ เรามีความพอใจในสิ่งของนั้น
เราจะจ้างคนๆนั้นได้ก็ต่อเมื่อเขาทำประโยชน์ให้เรา
และเรารู้ว่าเขาทำได้

ถูกครับ เขาทำได้ แล้วลองมองย้อนดูตัวเรา ถ้าเขาเห็นว่าเราทำได้
เราเป็นประโยชน์กะเขาได้ เขาก็จะจ้างเรา

ในการที่เราจะ หาเงิน Start up ได้ก็ต่อเมื่อเขารู้ว่าเราเป็นประโยชน์กะเขา
และเขารู้ว่าเราทำได้

เราทำให้เขารู่้ว่าเราทำได้เขาก็จะเอาเงินให้เรา ทำงานให้เขา

สติสัมปชัญ จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

เคยได้ยินไหมว่า ปัญญาประเสิรฐกว่าทรัพย์
มีทรัพย์นับล้าน ไม่มีปัญญาก็หมด
มีปัญญา ก็สามารถมีทรัพย์ได้นับล้าน

แต่บ่อเกิดของปัญญา มาจากสติ
ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยสติ
ขาดสติชั่ววูป แต่หายนะ
นับแสน

ไม่ว่าจะทำการได้นั้น มาจากสติ
มีสติที่จะคิด
มีสติที่ท่าจะทำ
มีสติที่จะตรวจสอบในสิ่งที่จะกระทำ

สติคือความระลึกได้ในช่วงเวลานั้น

คนเรานั้นจะมีสติในช่วงเวลานึง
เมื่อมีสิ่งเบนความสนใจสิ่งใหม่ก็จะขาดสติที่ได้ทำในสิ่งเดิม
หรือที่เขาเรียกว่าเวทนา

เวทนาสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
เวทนาคือความรู้สึกที่กระทบ กับ จุดรับสัมผัส
ไม่ว่ามาจากตา หู จมูก ปาก ผิวหนัง

จงระลึกถึงเวทนาใหม่ที่มากระทบ และอย่าลืมเวทนาเก่า
หรือสิ่งเดิมที่ระลึกอยู่แล้ว เท่านี้ก็ไม่ขาดสติ

เนื่องจากการปฏิบัตินั้นยากอยู่ แต่มีวิธี
ที่ต้องทำให้ต่อเนื่อง ถึงจะเห็นผล
คือการทำสมาธิ นับลมหายใจเข้าออก

คือ หายใจเข้านึกถึง พุทธ
หายใจออกนึกถึงโท

ขั้นต่อไปคือการกำหนดจำนวนลมหายใจ หายใจเข้านับ 1
หายใจออกนับ1
ลมต่อไปนับ 2, 3, 4 .... จนถุึงเป้าหมายที่จะวาง

แล้วจะมีสติได้นานขึ้นไม่หลุดง่าย งานลุล่วงประสบผลสำเร็จทุกประการ